วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ทางสายรุ้ง

๒๐/๖/๑๐ ตั้งแต่ต้นเดือนมาแล้วที่เห็ดถอบแทบจะกลายเป็นเมนูหลักของเรา




แรก ๆ ราคาถึงลิตรละ ๑๒๐ แล้วก็ถูกลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้เหลือ ๓๕ เอง



แต่เรายังไม่เคยเสียเงินซื้อมันหรอกนะ ที่กินจนเบื่อเนี่ยเพื่อนบ้านให้มาทั้งน้านนน...









เจ้าประจำที่ส่งเห็ดถอบให้กินฟรีถึงบ้านคือยายนาค



แต่คราวไหนที่คุณยายใจดีไม่ขยันเดินมาเองก็จะตะโกนเรียกให้ไปรับมา



ยายนาคเป็นคนขี้เบื่อที่ไม่ชอบกินอะไรติด ๆ กัน เราจึงไม่ถึงกับต้องกินเห็ดถอบทุกวัน



ทว่า เมื่อวานจนถึงเช้านี้แหละที่เราเอียนเห็ดถอบมากๆๆๆ









เริ่มจากเมื่อวานพี่แอฝากพี่จิ้งหิ้วมาให้สองถุงใหญ่ มีทั้งผัดมาให้และแค่ต้มเพื่อถนอมอาหาร



ตามมาติด ๆ ด้วยเห็ดถอบต้มเค็มของพี่หน่อย



หมาด ๆ เมื่อกี้นี้น้องหมวยถูกยายนาคใช้ให้หิ้วเห็ดถอบต้มมาให้ มีน้ำพริกข่าแถมด้วย









เราคงต้องหลีกเลี่ยงการส่องกระจกไปหลายวันเชียว



ไม่อยากเห็นเห็ดถอบลอยหน้าลอยตายิ้มให้น่ะ..บรื๊ออออ...









สรุปว่าโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่ยึดหลักพึ่งตัวเองของเราส่อแววล้มเหลวตั้งแต่เพิ่งเริ่ม



เพราะตลอดสามวันที่ผ่านมาเราแทบไม่สามารถพึ่งตัวเองได้เลย



อย่างเช่นเมื่อวานซืน พี่หล้าเอาปลานิลกับปลาตะเพียนอย่างละตัวมาให้



เราคิดจะต้มปลาแต่ตะไคร้ที่เพิ่งแยกกอจากบ้านยายนาคมาปลูกยังไม่ไปถึงไหน



พอไปขอตะไคร้จากยายนาคก็โดนยัดเยียดผักบุ้งกำใหญ่มาอีก



ก่อนหน้านั้นวันนึงคุณสำรวยก็เพิ่งเอาผักกาดกับหมูสามชั้นมาให้มากพอที่จะต้มจับฉ่ายแบ่งยายนาคด้วย



ผักกูดก็เป็นอะไรที่แม่คุณสำรวยมักฝากคุณสำรวยมาให้ หรือบางทียายพัดก็เก็บมาฝาก









ลุงพิษ (เขียนแบบนี้จริง ๆ) บอกเราว่าพวกของกินนี้ถ้ามีเหลือชาวบ้านที่นี่ก็จะให้กัน



อย่าขอซื้อ เพราะจะถูกปฏิเสธ แต่ถ้าขอละก็เขาจะรีบให้เชียว



แม้ชาวบ้านจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน แต่ก็ส่วนใหญ่แหละ



ตอนที่เราจะปลูกไผ่ยักษ์ที่เมื่อโตเต็มที่ลำจะใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๐ – ๒๕ ซม.



ลุงพิษก็เตือนว่าอย่าปลูกใกล้ถนนเพราะถ้ามีหน่อชาวบ้านจะถือวิสาสะมาขุดไปกิน









เออเนอะ..สังคมที่นี่มันต่างมากจากสังคมเมืองหลวงที่เราเคยคุ้น



ชอบนะ แม้จะต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกมากก็เต็มใจ



(จะบอกว่า ยินดี ก็นึกขึ้นได้ว่าภาษาเหนือแปลว่า ขอบใจ น่ะ)  






















30/5/10-10/6/10 ช่วงนี้ฝนตกหลังการรอคอยคำรายงานของกรมอุตุว่าจะมีฝนในช่วงนี้และแล้วฝนก็ตกลงมาจริง ๆ เป็นฝนตกหนัก ๆ ติด ๆ กันบ้าง เป็นฝนตอนบ่ายบ้าง จึงต้องเร่งทำงานกัน ถางหญ้า ยกร่อง รอเมื่อขี้หมูหลุมที่สั่งมาถึงก็ต้องผสมกับดินและเตรียมทำค้างสำหรับดอกชมจันทร์


เรามีเพื่อนบ้านใจดีมาก ๆ จากที่เราไม่มีต้นไม้มากนักเพราะอุปสรรคในการขนย้าย เราเหมือนได้ขุมทรัพย์น้ำใจอันมหาศาลหล่นทับเลยก็ว่าได้ที่ได้เพื่อนบ้านอย่าง ยายนาค ยายพัด ยายทองและลุงพิศ เพราตอนนี้ที่ไร่เรามี มะลิป่า มะลิลา ว่านสี่ทิศ ช้องนาง ผักหวานบ้าน กะเพราแดง โหระพา ว่านหางจรเข้ มะรุม สะระแหน่ กันตองและต้นไม้ที่ยังไม่รู้จักชื่ออีกต้นหนึ่ง

สมาชิกของไร่เวียนหน้ากันมารายงานตัวอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่หมาสองตัวที่เหมือนจะย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่แล้วชื่อ เจ้าตูบ กับเจ้านู่ เหล่านกหลากชนิดที่เป็นเสียงปลุกยามเช้าแทนนาฬิกาปลุกไปโดยสิ้นเชิง ที่ตื่นตาก็นกหัวขวานสีส้มหางสีขาวดำพบก่อนมีฝนตกหนัก นายพีได้ยินเสียงนกปิ๊ดจะลิวแต่เรายังฟังไม่ออก เราเห็นนกมีจุกบนหัวด้วยหนึ่งคู่อยู่ริมเหมือง เห็นนกหางยาวมาก ๆ แต่ไม่รู้จักทางต้นลำไย พระเอกของเราคือนกสีเขียวที่เราเห็นตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ มาเห็นอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน เราจะรอคอยนกสีเขียวกลับมาหาเราอีกเป็นสัญญาว่าเราจะทำที่นี่ให้สวยพอให้เจ้านกสีเขียวนั้นกลับมาแวะหาเราอีก

27-28-29/5/10 อยากบอกว่าไม่มีเวลาพอจะมาบันทึกเลย แต่ต้องบันทึก เพราะวันนึงเราอาจจะจำไม่ได้ว่าเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง การบุกเบิก การเริ่มต้น ทำในสิ่งที่รัก ถ้าไม่มีคนร่วมทางที่คิดที่ฝันเหมือนกันแล้ว คงไม่มีวันนี้ วันที่เหนื่อยอย่างมีความสุข ไม่เคยเสียดายสิ่งที่ร่ำเรียนมาเลยเพราะวิชาชีวิตเป็นวิชาที่ใหญ่กว่าวิชาการที่เราเรียนมามากมาย ได้นำความรู้บางเรื่องมาใช้บ้าง อย่างน้อยก็วิทยาศาสตร์ชีวภาพกายภาพ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรามีรายละเอียดมีความเหมือนความต่างของการดำรงอยู่ของมันเอง ก็เหมือนกับผู้คนที่เป็นคนเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันไปได้หลากหลาย ที่นี่ถือว่าเป็นชนบทหรือเรียกบ้านนอกก็ยิ่งตรงกับความจริง การพึ่งพากันจึงเป็นกลไกขับเคลื่อนที่นี่และขณะเดียวก็เป็นเสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ มีระบบนายทุนอยู่บ้างก็เป็นธรรมดาที่คนมีฐานะในเมืองไทยจะได้ฐานะนั้นมาจากการเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านตาดำ ๆ เราเองก็ได้รับอานิสงส์ของการพึ่งพา

“ยาย” ที่ฉันจะเรียกต่อไปนี้แทนหญิงชราคนนึงที่บ้านใกล้เราที่สุด ยายแก่มากแล้วและอยู่คนเดียว แต่มีเหล่าลูกหลานมาแวะเวียนส่งสะเบียงให้สม่ำเสมอ บางทีก็มี คนสนิท ที่ยายมักบอกอย่างนั้นเมื่อเราถาม เราเองอยู่สองคนก็มีเสบียงเป็นอาหารแห้งตุนไว้ทาน แต่มีอาหารสดทานแทบเกือบทุกวัน ยายว่า “อยู่ด้วยกันไม่เป็นไร” เราเองก็สัญญาว่าเมื่อผักเราทานได้เราจะแบ่งยาย มีอะไรหนัก ๆ อะไรใช้ให้เรียกแล้วหนูจะหากริ่งให้ยายไว้เรียกหนู จะโทรศัพท์ก็บอกเลย นอกจากการใช้ไฟฟ้าที่ต่อพ่วงจากบ้านยายแล้ว น้ำใจที่ไหลหลากของยายยังมีอีกนับไม่ถ้วน หาเพื่อนบ้านให้ ให้ข่า ตะไคร้ ดอกข้าวตอก มะละกอ แม้จะเป็นไม้ไผ่ที่ทำราวตากผ้าก็ของยาย ที่เราได้ช่วยยายไปก็แค่ยกฟืนจากโรงเก็บมาให้ยายใช้ได้สองสัปดาห์เอง

ได้เพื่อนยายเป็น “คนชอบปลูกต้นไม้ด้วยกัน” คำของเพื่อนยายเอง ให้ต้นไม้มาอีกหลายต้น ทั้งเสน่ห์จันทร์ ลิ้นมังกร และอื่น ๆ ที่ไม่ทราบชื่อ

คนที่นี่ขาดการพัฒนาอาชีพ (บ้างว่าพวกเขาไม่รับการพัฒนาเพราะไม่มีหลักประกันว่าสานเครื่องจักสานไปแล้วเมื่อไหร่จะได้เงิน) คนส่วนมากจึง “ขึ้นดอย” (เขาพูดกันแบบนี้เวลาถาม) ไปหาของป่าและตัดไม้ แต่พวกเขาทำลายป่าน้อยกว่าพวกบุกรุกพื้นที่เพื่อทำไร่เพราะพวกนั้นจะถางและเผาจนเตียน ช่วงนี้เขากำลังหาเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบกันขายกันที่ลิตรละ 120 บาท (ร้อยซาว)

สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปเยอะจากคำบอกเล่าว่าไม่เคยร้อนแบบนี้และเรื่องที่สะเทือนใจคือเรื่องของผีเสื้อที่แต่ก่อนจะมีเยอะและมีสีสวยกว่านี้ เป็นเพราะพวกคนไม่รักธรรมชาติมาหาซื้อให้ตัวละไม่เกินหนื่งบาทขอย้ำว่าไม่เกินหนื่งบาทเพื่อไปใส่กรอบและขายให้พวกสะสมร่างไร้วิญญาณของผีเสื้อในราคาหลายเท่ากับการลงทุน ถ้าเขารู้ทันเรื่องคุณค่า วันนี้พวกเขายังจะมีผีเสื้อสวย ๆ ตัวเป็น ๆ ไว้อวดใคร ๆ ดืงดูดคนมาแวะเที่ยวสร้างรายได้ขายของขายน้ำได้อีกเท่าไร

ตอนนี้เราเองก็รอฝน เมล็ดดอกชมจันทร์พืชหลักของเราตอนนี้ก็เพาะไปสองรุ่นแล้ว เมล็ดถ้าเก็บไว้นานเปอร์เซ็นต์การงอกก็จะลดลงเรื่อย ๆ ภาระกิจทุกวันยังคงเหมือนเดิม ตื่นเช้า 6 โมงเป็นต้นไปต้องรดน้ำต้นไม้จน 10 โมง จากนั้นก็ทำงานในเรือนเพาะบ้างถ้าไม่ร้อนมากนัก หรือไม่ก็ทำงานบ้าน ทำอาหาร (ง่าย ๆ) ดูแลนายพีบ้าง ทำงานเอกสารของนายพีบ้าง ออนไลน์บ้าง จนอากาศหายร้อนจึงไปทำสวนต่อ จนเย็นก็กลับมาทำอาหาร แล้วก็กลับไปกรอกวัสดุเพาะตอนค่ำ ยังวนเวียนอยู่แบบนี้ งานหนักหน่อยก็พวกถาง เก็บกิ่งไม้ที่รถดันทิ้งไว้ ขุดหญ้าถอนรากถอนโคนในที่ ๆ พ่นยาไม่ได้ งานขุดดินปลูกต้นไม้ในช่วงแรก ๆ ส่วนนึงก็ทำเอง หนักเกินแรงก็จ้างแรงงานเป็นรายวันบ้าง

ตั้งความคาดหวังไว้ว่าจะปลูกผักต่าง ๆ ไว้ทาน ก็ต้องลองกันดูเพราะที่นี่ดินผสมหินปูนเป็นด่างอย่างแรง (จะดีก็ปลูกไฮเดรนเยียได้เป็นสีฟ้าสมใจ) จะแก้โดยใช้ปุ๋ยคอกมากหน่อย

หลังจากนี้จะลองแยกงานและภาษาเหนือที่รู้มาออกจากบันทึกดูเพื่อสะดวกแก่การคำนวณเวลาในการเพาะปลูก

25-26/5/10 สองวันนี้มีแต่คนมาเสนอขาย เมื่อวานป้าคนนึงมาเสนอขายไม้ แกบอกว่าแกไม่มีเงินใช้จะขายไม้หน้า 6 ยาว 8 ศอก 2 ท่อน แค่ 400 บาท เราไม่รู้จะเอามาทำอะไรจะเก็บไว้เฉย ๆ ก็กลัวโดนจับเพราะไม้เถื่อนแหง๋ ๆ เลยบอกไปว่าไม่รู้จะซื้อไว้ทำไม พอมาวันนี้มีคนมาบอกขายกล้วยไม้ก็ประมาณว่าเดือดร้อนเงินเพราะช่วงนี้ไม่มีลิ้นจี่ให้รับจ้างเก็บแล้ว จะรับจ้างถากหญ้าหรือพรวนดินก็ยากเพราะสมัยนี้ใช้วิธีพ่นยาฆ่าหญ้ากับจ้างรถแทรกเตอร์มาไถกันหมดแล้วเลยให้เค้าเอามาให้ดู เลือกต้นที่เขาเลี้ยงจนรอดมาแล้วกับที่ดูมีแววว่าจะรอดบางส่วน ต้นที่ดูดีที่สุดเป็นเอื้องผึ้งที่เกาะท่อนไม้กับเอื้องคำที่ใส่กระถางไม้ไว้ คนมาขายบอกว่าสองอันนี้เป็นของหลานฝากมาขายพูดทำนองว่าหลานตั้งราคาไว้รวม 250 บาท นายพีนับลูกกล้วยดูแล้วต่อเหลือ 200 บาท เขาก็ตกลงขาย ที่จริงนายพีบอกว่าราคานี้ไม่ถูกหรอกแต่ก็ไม่ถึงกับแพงและต้องรอถึง พ.ศ. หน้าถึงจะได้เห็นดอก แต่พอตอนเย็นมีเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งขี่จักรยานยนต์เข้ามาถามว่าเราซื้อกล้วยไม้ของเขาไว้ในราคาเท่าไหร่แล้วก็บอกตามความเป็นจริง เขาก็บอกว่าน้าสาวคนทมี่มาขายไปบอกว่าขายให้เราต้นละ 50 บาท เขานึกว่าถูกเรากดราคาเลยจะมาขอคืนแต่เมื่อรู้ความจริงก็จะไปทวงกันเอง เออเนอะชาวบ้านกันเองแถมเป็นญาติกันด้วยยังทำกันได้ขนาดนี้ อนิจจาประเทศไทย สงสารหนุ่มสาวคู่นี้เลยซื้อเห็ดห้าหลวงมาครึ่งโล 40 บาท หลังจากรดน้ำต้นไม้เสร็จก็เลยง่วนกับการปอกเห็ด

25/5/10

-แช่เมล็ดดอกชมจันทร์ LOT2

-แยกแตงหิมะที่ไม่ได้คิดว่ามันจะขึ้น ??? ซื้อมาทานแล้วเทเมล็ดลงกระถางไว้เพราะคิดว่าเป็นไฮบริด แต่ว่ามันกลับงอก--เต็มกระถาง แน่นมาก ๆ ด้วย เลยจัดการแยกซะ



22,23,24/5/10 เว้นว่างจากการบันทึกเพราะสองสามวันนี้นายพีแย่งคอมไปทำงานให้พี่น้อย มารวบยอดทีเดียว

ก็ดูแลต้นไม้ตามปกติ อากาศยังกะภาคใต้ ฝนตกแป๊บเดียว สลับกับแดดแจ๋ ยายพัดคนสนิทของยายนาคเอากิ่งหม่อนกำใหญ่มาให้ปักชำ ((มันจะติดไหมเนี่ย ไม่เป็นไรเขาว่าแถวนี้มีปะเรอะ)) เพาะกระต๊าด (กระเจี๊ยบเขียว) ไม่รู้จะรอดปากมดมั้ย ที่นี่มดชุม ถ้างอกเป็นต้นก็ไม่รู้ว่าพอถึงหน้าหนาวจะทนหนาวได้แค่ไหนเพราะข้อมูลที่ค้นจากในเน็ตระบุว่าอุณหภูมิอย่างต่ำ 18 °C เย็นวันที่ 24 พี่หล้ากับพี่เอื้อมกับยายของพี่หล้าแวะมาก่อนจะกลับเข้าเมืองเลยชวนชวนพี่หล้าเข้าตัวอำเภอเพื่อไปกดเงิน พอเห็นกาดที่หน้าที่ว่าการอำเภอพี่หล้าชวนแวะหากระเทียม (ปีนี้กระเทียมแพง เพราะอะไรไม่รู้) แต่ได้อย่างอื่นแถมมาเพียบ เราก็คว้ายอดแขนงมา 1 ถุง (ถุงใหญ่แค่ 10 บาทเอง) แบ่งมาไม่ถึงครึ่งถุงก็ผัดได้ 1 จานแล้ว แต่พี่หล้าได้ 2 ถุง (ไม่รู้เอาไปฝากใคร) แถวนี้นิยมปลูกเซียนท้อ (ละมุดอินเดีย) เห็นต้นกล้าวางขายข้างทางขากลับสูงเมตรกว่าราคาตั้ง 200 บาท ต้น 1 ฟุต 50 บาท กำลังชั่งใจว่าจะซื้อมาปลูกบ้างดีไหม เพราะส่วนตัวแล้วไม่ชอบรสชาติของมันละมุดไทยอร่อยกว่า

21/5/10

***+++ตอนเช้าเอาเมล็ดดอกชมจันทร์LOT1ที่ห่อผ้าเปียกไว้จนรากงอกดีแล้วลงในถุงดำ

คุณเกียร์เอากล้าตองเต๊ามาให้ พี่แกเล่นขุดมาร่อนจ้อนไม่รู้จารอดสักกี่ต้น จาก 5 ต้นที่มี ตองเต๊ามีใบที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับไม้ยืนต้นอื่น ที่เคยเห็นกว้างประมาณ 2 ฟุตได้

***ตอนบ่ายฝนตกหนัก พอฝนขาดเม็ดก็มีรุ้งกินน้ำ เท่สุด ๆ ตรงที่มองจากบ้านไปเห็นรุ้งอยู่ระดับเดียวกับยอดไม้ริมถนนหน้าไร่ทาบทับทิวเขาที่เป็นฉากหลัง แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วเห็นรุ้งไม่ชัด เลยต้องขี่จักรยานออกไปหามุมกล้องที่ชัดกว่า

***ตกเย็นเพื่อนนายพีมาจากในเมืองมาเยี่ยมและซื้อของมาฝากแล้วอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนจะรีบกลับให้ทันเคอร์ฟิว !!! โถ...ตั้ง 120 กิโลเมตร แถมบางช่วงคดเคี้ยวตามประสาทางภูเขาอีกต่างหาก

20/5/10

เช้ามายลโฉมบัวดินสีชมพูดอกใหญ่บานสองดอก

รดน้ำต้นไม้ ต้นกระถินเทพาและไผ่ด้านหน้าไกลเกินสายยางไปถึงเราต้องใส่บัวรดน้ำอันน้อยของเราเดินไปรดน้ำให้ มีนายพีคอยกำกับทุกฉากทุกตอน

ช่างมาติดมุ้งลวดเหล็กดัด (กว่าจะมาได้ งานเขาเยอะจริง ๆ แต่ลดราคาให้ 180 บาท หายโกรธทันใด)

กรอกพีทมอสผสมกากมะพร้าวใส่ถุง (งานเบาที่รองจากโรยเมล็ดพืช ;))

ตอนเที่ยงอ้ายรวยไปรับไผ่ยักษ์เมืองน่านที่ส่งทาง พกง มาให้ เห็นต้นกล้าแล้วเมื่อเทียบกับตัวอย่างที่เขาตัดกระบอกมาให้ดูด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางแปดนิ้วเมื่อไหร่ต้นกล้าจะแทงหน่อแล้วใหญ่ได้เท่าเค้าบ่ายสามโมงก็มานั่งบันทึกอยู่นี่แหละ แค่ไม่อยากลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้อความสวยงาม เพราะความทรงจำของฉันนั้นสวยงามกว่าข้อความ

ตลอดบ่ายซ่อมโน๊ตบุคแต่ไม่สำเร็จ สงสัยต้องส่งให้ช่างขาประจำ

ตอนเย็นคุณเกียร์เอาปรงป่าที่เขาว่าชาวบ้านเรียก “มะพร้าวเต่า” มาให้ 3 ต้นแถมช่วยปลูกลงดินกับลงกระถางให้ด้วย (ท่าทางเขาจะกลายเป็นขาประจำของไร่ไปอีกคน)

19/5/10

ไม่ค่อยสบาย ได้แต่ดูแลทั่วไป ดูหนอน ดูแมลง ดูนก รดน้ำต้นไม้

ยายทองเดินเอาน้ำพริกอ่องที่ฝากยายทำให้มาให้ มาพร้อมยอดกระถินกับแตงกวาขาวใบใหญ่มาก

เปิดดูเมล็ดดอกชมจันทร์พบว่างอกแล้วบางส่วน เมล็ดถั่วพลูก็งอก เมล็ดมะรุมไม่มีวี่แวว ถ้าจะงอกยาก หรือเพาะผิดวิธี???

ยายนาคมาเยี่ยม ถือปลานิลตัวโตมาให้ (ตอนที่เราเอาปลาไปให้ยายตัวเล็กกว่าตั้งเยอะ !)

คนรับฉีดยาฆ่าหญ้ามาฉีดยาให้ตอนก่อนค่ำแถมเอามะม่วงแก้วมาฝากด้วยสามใบ

เราเดินเอาต้มจืดผักกาดกระป๋องไปให้ยายตอนค่ำ ยายว่าเอามาทำไมเยอะ ก็ตอบไปว่ามีหมู 4 ชิ้น แบ่งกันบ้านละ 2 ชิ้น ยายหัวเราะเอามือตีเราอย่างน่ารัก ที่บ้านยายมีแขกมาหาอีกสองคน (จากที่ยายบอกว่าจะกลับไปอาบน้ำ ก็ยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย) ป้าคนหนึ่งในวงสนทนาบอกว่าจะมาหา (นี่เรามีแขกมาหากี่คนแล้วเนี่ย....1.......10........)

พอดีเด็กน้อยลูกสาวคนส่งน้ำดื่มเอามะม่วงแก้วที่ฝากซื้อมาให้ 30 บาท

คนที่นี่อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ส่วนใหญ่จะรับจ้างทั่วไป บ้างก็เป็นช่าง บ้างก็เก็บของป่า ถ้าจะหาแรงงานแถวนี้หาได้ง่าย แต่ต้องไม่ใช่ช่วงเทศกาลของเขา เพราะเขาจะไม่ทำงานเลยช่วงเทศกาล (โดนมาแล้ว กว่ากระท่อมน้อยจะเสร็จ เลยกำหนดไปเป็นสิบวัน แต่คงดีกว่าที่พะเยา เพราะที่นั่นเล่นสงกรานต์ทั้งเดือนเมษาเลย)

18/5/10

ปลูกไผ่ริมรั้วด้านหลัง

ปลูกกระถินเทพา

17/5/10

ปลูกไผ่ซางป่ากับไผ่บงป่า

ปลูกเสาวรส

+++แช่เมล็ดดอกชมจันทร์ LOT1

แช่เมล็ดมะรุมกับถั่วพู

16/5/10

วันนี้นัดช่างมาทาน้ำยาเคลือบผนังภายนอกเพราะใช้ไม้ไผ่อัดถ้าไม่เคลือบเวลาโดนฝนสาดจะเปียกและขึ้นราได้ก็เลยให้ช่างช่วยตอกตะปูสำหรับแขวนกระจก รูป และนาฬิกา

###ภาษาคำเมืองวันละน้อย

#ฟ่าง=รีบ(ส่วนมากใช้เวลาเราบอกใครว่าเรารีบ แต่เวลาเร่งให้เค้ารีบจะใช้คำว่า หะใจ๋)

#เป๊อะเรอะ=มาก

#ถ้ากำเน้อ= ให้รอเดี๋ยวนะ

***ตอนเย็นปลูกต้นเตยหอมที่ช่างเอาหน่อที่บ้านเขามาฝากเลยถือโอกาสเอา Cortus Barbatus ลงดินไว้ใกล้ ๆ กันไว้ด้วยเพราะชอบแฉะเหมือนกัน แล้วฝนก็ตกเอา ๆ จนทำอะไรกลางแจ้งไม่ได้ เลยไปเพาะเมล็ดบานไม่รู้โรยพันธุ์ซูก้าเบอรี่ กับดาวกระจายต้นเตี้ยกับดอกซ้อนใส่ถาดหลุมไว้ แล้วเอาต้นชมพู่น้ำดอกไม้ไปให้ยายนาค แต่เดี๋ยวจะไปเอาต้นพริก ต้นน้อยหน่า และต้นข้าวตอกที่ยายเอ่ยปากให้เราไว้แล้วมาปลูก  อ้อลืมไปตอนเช้ากุหลาบนางฟ้าดอกแรกสำหรับที่นี่แย้มกลีบบานแต่ไม่สวยถูกใจเราหรอก มันผลิดอกออกจากประดาต้นที่เราชำใบแล้วปลูกเอาหัวเพื่อความสะดวกในการขนย้ายเลยไม่ได้บำรุงบำเรอมันเท่าที่ควรมันอุตส่าห์ออกดอกมาให้ชมก็บุญโขแล้ว

15/5/10

***ตอนเช้าปลูกต้นศุภโชค หีบไม้งาม ชมพู่น้ำดอกไม้(หรือชมพู่น้ำหอมเป็นชมพู่พันธุ์โบราณที่ได้มาจากน้ำใจของเพื่อนออนไลน์ส่งเมล็ดมาให้เพาะ) มะนาว และมะเขือยักษ์ (ลูกทานไม่ได้แต่ดอกสวย ออกดอกทั้งปีด้วย) วันนี้ปลูกได้เยอะเพราะมียายทองคนใกล้บ้านมาช่วยเก็บเศษไม้ ขยะจากการก่อสร้าง

###ภาษาคำเมืองวันละน้อย

#เพี่ยวคือเก็บกวาด

#ครัวหมายถึงสิ่งของในบ้าน อย่าให้ใครย้ายครัวในบ้านออกมาข้างเชียวเพราะจะไม่ออกมาแค่เครื่องครัวแต่จะออกมาหมดทั้งบ้าน ฮา...

#คนเดียวคือเอง กินข้าวคนเดียวคือกินเองไม่ได้แปลว่าไม่มีใครกินด้วย ฮา...

#ลูกคนเก๊าคือลูกคนโต

#ผักแคบคือผักตำลึง

#ผักหละคือชะอม

#หอมด่วนคือสะระแหน่

ที่จริงมีอีกหลายคำแต่จำบ่ได้ นายพีก็จำไม่ได้ เพราะรายนั้นคุ้นภาษาเหนือจนพอจะพูดได้ เลยจำไม่ได้ว่าคำไหนใหม่สำหรับเรา

ตอนแดดร้อนก็เลยมาบันทึกความจำนี่แหละ

#เหมยขาบคือแม่คะนิ้ง

#หนาวเกินหนาวขนาดคือหนาวมาก

#ยังแควนน้อยคือค่อยยังชั่ว,พอทำเนา

#ทางเพ้คือทางนี้ตรงข้ามกับทางปู๊นคือทางนู้น

***ตอนบ่ายถึงตอนเย็น (ที่ทำตอนบ่ายได้เพราะฝนตกลงมานิดนึง แบบฝนตกปรอย ๆ และฝนตกแดดออกสลับกัน)

ทำแปลงเพาะบัวดินสีเหลือง

ปลูกอ้อด่างและต้นหวานที่ยายทองเอามาให้รูปร่างคล้ายกล้วยไม้ดิน หัวมีเปลือกสีชมพูเข้มถึงแดงยายว่าดอกมีสีขาวและหัวคั้นน้ำทาแผลสดจะหายเร็ว

ปลูกต้นจันทร์ทอง

ปลูกตะขบยักษ์

+++ไปส่งยายนาคที่บ้านเพราะทางชันมากไม่อยากให้เดินคนเดียว  เลยเก็บภาพความร่มรื่นมาฝาก

***ตอนหัวค่ำ เราปิดไฟเพื่อไม่ให้แมลงมากวนก็เลยมืดพอเห็นดาวชัด ระหว่างดูดาวเพลินเห็นแสงแว๊บ ๆ นึกว่าดาวตกแต่ทำไมแสงกระพริบได้ อ้าว หิ่งห้อยนี่ เห็นพร้อม ๆ กันมากสุดคือสามสี่ตัว มันมาบินรอบกระท่อมด้วยเก๋ไปอีกแบบ

14/5/10

***ตอนเช้าลงเมล็ดพืชสวนครัว ลงเมล็ดโมก

###ภาษาคำเมืองวันละน้อย #วันพูกคือพรุ่งนี้ (ไม่ยักมีใครพูดว่าพรุ่งนี้เหมือนในละครทีวีเรื่องหนึ่ง ที่ตัวประกอบซึ่งเป็นสาวใช้ชาวเหนือ ถามเจ้าว่า “เจ้าจะปิ๊กพรุ่งนี้แม่นก่อ” เออเนอะจะทำอะไรให้ถี่ถ้วนสักหน่อยก็ไม่ได้ ((นายพีบอกว่าพวกนี้อาชีพขายก๋วยเตี๋ยว คือถนัดแต่ลวก ๆ)

#วันฮือคือมะรืน

#วันติ๊ดคือวันอาทิตย์

#วันผัดคือวันพฤหัสบดี

ส่วนวันอื่นก็เรียกเหมือน ๆ คนภาคกลาง(มั้ง)

***ตอนเย็นลงต้นมัลเบอรี่ 2 ต้น



13/5/10

ผลของฝนตกจึงมีหมอกเรี่ยเขาเป็นกลุ่มใหญ่

วันพืชมงคล ***ตอนเช้า ปลูกต้นโชค (หรือต้นไคร้ย้อยนั่นเองทางเหนือเรียกต้นโชค) กับต้นกล้วยเล็บมือนาง (เอาเคล็ดสักหน่อย)

ป๊อบปี้น้ำที่มามี้แบ่งกอมาให้ออกดอกสองดอกแรกของมันเลยแล้วบานให้เห็น

พี่สาวใจดีพาเที่ยวฟาร์มโคนม ได้ต้มนมทานเองใส่เพียงใบเตยหอมก็อร่อยแล้ว ที่ฟาร์มเขาร่มรื่นมาก อยู่ติดผาเดียวกับฉากหลังบ้านเรา เห็นต้นตองเต๊ามีใบคล้ายต้นตึงหรือต้นสักแต่ใบใหญ่กว่ากันหลายเท่า



***ตอนเย็น เตรียมดินพรวนไว้สำหรับหว่านเมล็ดผักสวนครัว

###ภาษาคำเมืองวันละน้อย

#ทางนี้เรียกขนมจีน ว่าหนมเส้น

มีฝนตกตอนกลางคืนอีกเป็นคืนที่สองไม่แรงเท่าเมื่อคืนแรง







11-12/5/10

หลังจากที่ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างเชียงใหม่กับไชยปราการอยู่หลายรอบ

การขนย้ายครั้งสุดท้ายก็มาถึง

แม้จะมืดค่ำกับเส้นทางลดเลี้ยวแต่เราก็ไม่สามารถผัดวันประกันพรุ่งเลื่อนการเดินทางเที่ยวนี้ออกไปได้อีก

เพราะเจ้าของร้านต้นไม้ที่เราสั่งซื้อต้นไม้ใหญ่จำนวนหนึ่งเอาไว้บอกว่าจะเอาต้นไม้ไปลงที่ไร่ตั้งแต่เช้าตรู่

และเราต้องอยู่ทำหน้าที่ชี้จุดที่จะลงต้นไม้แต่ละต้นให้แก่เขา

หลังคืนสุดสงบอากาศกำลังสบาย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพัดลม

เราตื่นก่อนนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้

ไม่ได้ตื่นเองหรอกแต่โดนปลุกจากเสียงตะเบงเซ็งแซ่ของบรรดาเจ้าถิ่นทั้งไก่ ทั้งนก มีทั้งนกเขา กาเหว่า และอีกหลายชนิดที่เราไม่รู้จักประชันเสียงกันครึกครื้น

จนเราอดใจไม่ไหวต้องลุกออกมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้า

มองไปทางทิศตะวันออกยังเห็นเพียงแสงแรกของอรุณรุ่งเพียงเรื่อลาง

ดูนาฬิกาเพิ่งจะตีห้าครึ่ง

สักพักพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบเขา

ทำให้เห็นทัศนียภาพรายรอบได้ชัดเจน

แม้อากาศตอนเช้าจะค่อนข้างเย็นสำหรับคนที่เกิดและโตขอบ ๆ เมืองหลวง

แต่เรากลับอบอุ่นใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา

ความที่ผืนดินที่เราอยู่เป็นไร่ข้าวโพดสลับกับมันฝรั่งจึงและถูกทิ้งร้างในช่วงแล้งจึงมีสภาพเป็นที่โล่งเปิดโอกาสให้เรามองไปรอบ ๆ ได้อย่างเต็มที่

แต่เรากลับไม่มีเวลาที่จะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ตรงหน้าเพราะต้องรีบคว้าแผนผังที่เราทำขึ้นเองหยาบ ๆ มาเป็นคู่มือแล้วรีบหมายจุดที่จะให้เขาลงต้นไม้ให้เสร็จก่อนที่พวกเขาจะมาถึง

หลังจากนั้นจึงค่อยมานั่งพักบนระเบียงหน้ากระท่อมเพื่อรอการมาถึงของต้นไม้ที่สั่งซื้อไว้ ทำให้มีเวลาว่างพอที่จะคว้ากล้องขึ้นมาบันทึกทั้งภาพและเสียงรอบ ๆ ตัวเอาไว้

พอขบวนต้นไม้มาถึงแม้ไม่ต้องลงมือเองแต่เราก็อดไม่ได้ที่จะคอยเฝ้าดูการทำงานของคนงานและเจ้าของร้านต้นไม้จนเสร็จงาน

และร่วมมีส่วนด้วยการถือสายยางรดน้ำต้นไม้สองต้นสุดท้ายซึ่งปลูกอยู่ใกล้กระท่อมคือ หอมหมื่นลี้ กับกระพี้จั่น

หลังจากนั้นเจ้าของร้านต้นไม้และคนงานก็กลับไป

เราจึงใช้สายยางรดน้ำบริเวณหน้ากระท่อมให้ชุ่มเพื่อไม่ให้เป็นฝุ่นปลิวตามแรงลมจนเกินไป

ระหว่างนั้นเองแมลงปอหลายตัวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พากันมาบินวนเวียนรอบ ๆ นายพี นายพีดีใจใหญ่เพราะเขาถือแมลงปอเป็นสัตว์นำโชคมาแต่ไหนแต่ไร

หลังการจากไปของแมลงปอที่บินวนอยู่หลายรอบแล้วก็มีผีเสื้อตัวเล็กมาเกาะที่พื้นตรงหน้าเรา

มันคงเป็นผีเสื้อพื้นถิ่นที่นี่แต่สีสันแปลกตาสำหรับเราก็เลยเก็บภาพไว้ตามระเบียบ



นายพีสอนวิธีต่อปลั๊กไฟให้ กรีดสายเอง พันสายเองสำเร็จ (ตอนเรียนสายมันเล็กกว่านี้เยอะเลย)



สายแล้วอากาศเริ่มร้อนแล้วท้องก็เริ่มหิว

เราจึงตัดสินใจหลบเข้าไปในกระท่อม

....

มีฝนตกตอนกลางคืน เป็นลางดีของคนไร่

.....

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความสุขของคนปลูกต้นไม้

ที่บ้านหลังแรกของฉันในความทรงจำยังเห็นต้นจามจุรี ทองหลาง มะขามเทศ มะม่วง ฝรั่ง ขนุน มะม่วงหิมพานต์ เห็นสวนครัวที่ไปเก็บมาทำครัวบ่อย ๆ ทั้ง ข่า กระชาย ตระไคร้ มะกรูด กะเพรา โหระพา พริก ยอ ยี่หร่า มะเขือ มะเขือพวง มะดัน เห็นสวนไม้ดอกไม้ประดับของแม่

ที่บ้านหลังที่สอง เห็นสวนผักของทุกคน

ที่บ้านหลังที่สาม เห็น.....


จำได้ว่าตอนมัธยมมีวิชาเกี่ยวกับเกษตรและพฤกษศาตร์เบื้องต้น ส่วนใหญ่จะทะเลาะกับผู้สอนมากกว่าเรื่องลำเอียงคะแนนเก็บ

ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้เป็นคนปลูกต้นไม้เต็มตัว แม้จะรู้จักต้นไม้ได้อย่างลึกซึ้งไม่กี่ชนิดก็ตาม เป็นความปลื้มใจเวลาที่เราขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนพวกเขาได้ เห็นตั้งแต่แตกยอดของใบแรก ทั้งเห็นตั้งแต่แตกรากใต้น้ำที่ชำน้ำไว้ เชื่อไหมว่าต้นไม้เหมือนเป็นเพื่อนที่พูดคุยได้ ได้ดูแลทุกข์สุขของกันและกัน